ทำไมคนไทย ทำอะไรไม่ค่อยจะสำเร็จ ?

Comments · 3706 Views

คนญี่ปุ่นเปิดปั๊มน้ำมันร้าง ๆ เขาก็รุ่ง แต่ถ้าคนไทยไปเปิด ทำไมเปิดแล้ว ไม่ค่อยจะรุ่ง ?

#ทำไมคนไทยส่วนหนึ่ง
มักจะทำอะไร ๆ ก็ไม่สำเร็จ
?

บอยด์มีเรื่องเล่ามาเปรียบเทียบให้ฟังครับ

@ ปั๊มน้ำมันร้างแห่งหนึ่ง

ชายชาวญี่ปุ่นคนแรก
เดินทางมามาถึงหมู่บ้านห่างไกลแห่งนี้ เขาจึงเปิดปั๊มน้ำมัน มีลูกค้าเยอะแยะ

ชาวญี่ปุ่นคนที่สอง
เดินทางมา เห็นมีคนเข้าปั๊มเติมน้ำมันกันเยอะแยะ คิดว่าน่าจะมีคนที่อยากกินข้าวด้วยแน่ จึงเปิดร้านอาหาร ธุรกิจก็เป็นไปด้วยดี

ชาวญี่ปุ่นคนที่สาม
เดินทางมา เห็นปั๊มน้ำมันผู้คนหลากหลาย ร้านอาหารก็เช่นกัน คิดว่าน่าจะมีคนต้องการพักผ่อนระหว่างเดินทาง จึงเปิดธุรกิจโรงแรม

ชาวญี่ปุ่นคนที่สี่
เดินทางมา เห็นผู้คนหลากหลาย มีทั้งเติมน้ำมัน มีทั้งกินข้าว มีทั้งพักค้างคืน จึงคิดว่าน่าจะมีร้านสะดวกซื้อเอาไว้บริการเผื่อคนเดินทางมีอะไรขาดเหลือ

ชาวญี่ปุ่นคนที่ห้า คนที่หก  เดินทางทางมาอย่างต่อเนื่อง จากหมู่บ้านเล็กๆ ก็กลายเป็นเมืองที่กำลังเฟื่องฟู คนชาวญี่ปุ่นต่างก็ร่ำรวยกันถ้วนหน้า

 

แต่ ณ อีกซีกโลกหนึ่ง ที่หมู่บ้านห่างไกล และ มีปั๊มน้ำมันร้าง ๆ อยู่ปั๊มหนึ่ง

ชายคนไทยคนแรก
เดินทางมาถึงหมู่บ้านห่างไกลแห่งนี้ เขาเปิดธุรกิจปั๊มน้ำมัน ไม่นาน เขาก็มีลูกค้าเยอะแยะ

คนไทยคนที่สอง
เดินทางมาถึง เห็นปั๊มน้ำมันธุรกิจดี ก็เปิดปั๊มน้ำมันบ้าง
คนไทยคนที่สาม
พอเดินทางมาถึง เห็นเขาเปิดปั๊มน้ำมัน ท่าทางจะไปได้ดี ก็เปิดบ้าง แต่เพื่อความล้ำเหนือกว่า เขาก็ตกแต่งปั๊มน้ำมันซะสวยงาม

คนไทยคนที่สี่
เดินทางมาถึง ก็เปิดปั๊มน้ำมันอีก แต่ต้องการแย่งลูกค้าก็ลดราคาน้ำมัน

คนไทยคนที่ห้า
เดินทางมาถึง เห็นเขาเปิดปั๊มน้ำมันกันเยอะแยะก็เอาบ้าง เขาตกแต่งปั๊มน้ำมันสวยงามล้ำอนาคตยิ่งกว่าปั๊มอื่น ๆ ซะอีก พร้อมจัดโปร ลดแลกแจกแถม เพื่อดึงดูดลูกค้าให้สาหัสสากรรจ์ยิ่งกว่า

คนไทยคนที่หก คนที่เจ็ด  เดินทางมาถึงก็พากันแห่เปิดปั๊มน้ำมัน สวยหรูอลังการณ์ และจัดโคตรโปร

ผลสุดท้าย ทุนก็ไม่ได้ กำไรก็หายหด ตลาดเสียหายทุกราย กลายเป็นปั๊มร้าง หมู่บ้านก็กลับคืนสู่ความเงียบเหงาเหมือนเดิม

เราไม่ได้บอกว่าคนไทยไม่ดีนะ ธุรกิจที่ดีไม่ได้อยู่ที่คุณชนะคู่แข่งได้มากเท่าไหร่ แต่อยู่ที่เกิดการพึ่งพาอาศัยกัน ไม่แก่งแย่ง ไม่เอาเปรียบ สร้างประโยชน์ให้กับผู้คนได้มากเท่าไหร่ ได้ช่วยเหลือผู้คนให้มีวิถีชีวิตที่ดีขึ้นได้มากเท่าไหร่ต่างหาก

ด้วยวิธีคิดนี้  OTOP (One Product, One Prtoduct) ในประเทศชาวญี่ปุ่นถึงเป็นต้นแบบของโลก (เรียกว่า OVOP = One Village, One Product) และประสบความสำเร็จมากๆ

แล้วลองหันมามองที่บ้านเรา ที่ริมถนนสายหลักจะเต็มไปด้วยร้านโรตีสายไหม ปลาเผา สินค้าอื่นๆ ทุกๆ ร้าน จะขายเหมือนกันหมดทุกร้าน ของเหลือ เอามาขายซ้ำ คุณภาพแย่ลง จนสุดท้ายถ้าไปไม่รอดก็ต้องเลิก หันไปรับจ้างนายทุนที่มีสายป่านยาวแทน

ปัจจุบันเราเคยสอบถามหลายๆ ร้านเป็นเจ้าของเดียวกันหมดเจ้าของเดิมเป็นเพียงผู้รับจ้างขายกิน % เท่านั้น

ยุคข้าวยากหมากแพง เงินทองหายาก จะลงทุนอะไรคิดเยอะๆ นะครับ ถ้ายังไม่มั่นใจ กอดเงินไว้นานๆ ใช้สอยอย่างประหยัด กินอยู่แบบพอเพียง ความจนมันน่ากลัวจริงๆ นะครับ

บทความดี ๆ จาก tik inspire
เรียบเรียงโดย #มาเฟียบอยด์

Comments
loongmax 23 w

good boyd

 
 
admin 23 w

you did it great !